ซ่วง | ดู ส้วง |
ซาง | น. โรคเด็กประเภทหนึ่ง มักเกิดในเด็กเล็ก ทำให้มีอาการตัวร้อน เชื่อมซึม ปากแห้ง อาเจียน กินอาหารไม่ได้ ท้องเดิน มีเม็ดขึ้นในปาก ในคอ ลิ้นเป็นฝ้า เป็นต้น แบ่งเป็น ๒ ประเภท คือ ซางเจ้าเรือน และซางจร ทั้งซางเจ้าเรือนและซางจรจะทำให้มีอาการแตกต่างกันตามวันเกิดของเด็ก, เขียนว่า ทราง ก็มี |
ซางกระดูก | น. ซางจรชนิดหนึ่ง เกิดแทรกซางช้างอันเป็นซางเจ้าเรือนประจำเด็กเกิดวันศุกร์ เด็กที่เป็นโรคนี้จะมีเม็ดขึ้นที่โคนลิ้น เมื่อตั้งยอดได้ ๒ วัน ก็จะหลบเข้าไปในท้อง ทำให้ผู้ป่วยมีอาการท้องเดิน มือเท้าเย็น หลังจากนั้นแม่ซางก็จะเลื่อนขึ้นมาที่ต้นลิ้น กลายเป็นยอดแข็งเหมือนตาปลา หากเป็นเช่นนี้ตำราว่าให้แกะออกแล้วป้ายยาก็จะหายได้ ดังคัมภีร์ประถมจินดา [๒/๒๖] ตอนหนึ่งว่า "... อันว่าลักษณทรางกระดูกตั้งยอดขึ้นเปนดังนี้ * * * *ครั้นถึง ๒ วันหลบหายเข้าไปในทอ้ง จึ่งทำให้ลงท้องให้มือ ให้เท้าให้เยน แม่ทรางนั้นจึ่งกลับขึ้นมาขึ้นต้นลิ้นยอดหนึ่ง แฃงดังตาปลา ถ้าแพทยรู้แท้แล้วท่านให้แกะให้แทงออกเสียก่อน แล้วจึ่งเอายาบ้ายเถิดหาย ฯ ..." ดู ซางจร ประกอบ |
ซางกระตัง | น. ซางจรชนิดหนึ่ง เกิดแทรกหรือเกิดต่อจากซางสะกออันเป็นซางเจ้าเรือนประจำเด็กเกิดวันพุธ โรคนี้จะเกิดกับทารกที่มีอายุมากกว่า ๑ เดือน โดยจะเกิดต่อจากกเขม่า ซางจรชนิดนี้มีแม่ซาง ๓ เม็ด แต่ละเม็ดมีบริวาร ๑๐ เม็ด แม่ซางและบริวารจะทยอยขึ้นตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย ทำให้เกิดอาการแตกต่างกัน เช่น เมื่อแม่ซางทั้ง ๓ เม็ดขึ้นพร้อมกันแล้วกระจายไปที่กระเพาะปัสสาวะ จะทำให้มีอาการปัสสาวะขัด ดังคัมภีร์ประถมจินดา [๑/๓๐๙] ตอนหนึ่งว่า "... อันว่าลักขณทรางกระตังนั้นมีแม่ ๓ ยอด มีบริวาร ๓๐ ยอด เมื่อกุมารอยู่ในเรือนเพลิงนั้นเขม่าหามีไม่ ครั้นได้เดือน ๑ ออกจากเรือนเพลิงแล้วเขม่าจึงขึ้น ครั้นสิ้นเขม่าแล้วแม่ทรางขึ้นรายกันขึ้น ขึ้นในนาภียอด ๑ บริวารขึ้นด้วย ๑๐ ยอด ครั้นกุมารได้เดือน ๑ กับ ๑๕ วัน บริวาร ๑๐ ยอด ซึ่งขึ้นอยู่ในนาภีนั้นก็รายกันขึ้นมาในลำไส้อ่อน ลำไส้แก่ จนถึงทรวงอก ทรางบริวาร ๑๐ ยอด ซึ่งขึ้นอยู่ในทรวงอกนั้นก็ถอยลงไปขึ้นในเภาะน้ำ เภาะข้าวบ้าง แลทรางบริวาร ๑๐ ยอดซึ่งขึ้นอยู่ในฅอนั้นก็รายกันออกไปขึ้นเพดานขึ้นริมฝีปากบ้าง แลขึ้นลิ้นกพุ้งแก้มนั้นบ้างหนา ๓ ชั้น ดุจดังญ่ายองไฟ ถ้าขึ้นพร้อมกันทั้ง ๓ แห่งดังกล่าวมานี้ ทรางที่ขึ้นในลำไส้นั้นก็ทำให้เปนบิด ทรางที่ขึ้นในเภาะเข้านั้นทำให้ขัดเบา ทรางที่ขึ้นในเภาะเข้านั้นก็ทำให้จุกเสียดมิให้หยากอาหารนอนไม่หลับ ทรางที่ขึ้นคอนั้นทำให้,อแห้งร้องไห้มิออก ทรางที่ขึ้นเพดานนั้นทำให้ปวดสีสะหายใจขัดดูดนมมิได้ ..." ดู ซางจร ประกอบ |
ซางกระแนะ | ดู ซางกระแหนะ |
ซางกระแหนะ | น. ซางจรชนิดหนึ่ง เกิดแทรกซางแดงอันเป็นซางเจ้าเรือนประจำเด็กเกิดวันอังคาร ซางชนิดนี้มีแม่ซาง ๓ เม็ด มีบริวาร ๓๐ เม็ด แม่ซางทั้ง ๓ เม็ดนั้นจะขึ้นที่ปลายลิ้น ๑ เม็ด ต้นคาง ๑ เม็ด และทรวงอกหรือโคนลิ้น ๑ เม็ด โดยมีบริวารล้อมแม่ซางตำแหน่งละ ๑๐ เม็ด เด็กที่ป่วยเป็นซางชนิดนี้จะดูดนมไม่ได้ ลิ้นกระด้างคางแข็ง มือกำ เท้างอ ถ้าแม่ซางเลื่อนลงไปในท้อง จะทำให้มีอาการท้องเสีย ถ่ายเป็นมูกเลือดใส ร่างกายจะซูบผอม เบื่ออาหาร ปวดมวนท้องมาก เป็นต้น ดังคัมภีร์ประถมจินดา [๒/๒๖] ตอนหนึ่งว่า "... อันว่าลักษณะทรางกระแนะนั้นตั้งยอดขึ้นเปนดังนี้ ~ ~ ~ ~ ให้แพทยพึงรู้ ฯ อันว่าลักษณทรางเหนบนั้นตั้งขึ้นเปนดังนี้ * * * * สันถานยอดนั้นเลกกลางยอดนั้นดำ ริมยอดนั้นแดง ครั้นหลบลงเข้าท้องจึ่งทำให้ตกมูกเลือด ทรางจำพวกนี้ร้ายนัก ..." ซางกระแนะ หรือ ซาบเหนบ ก็เรียก ดู ซางจร ประกอบ |
ซางกราย | น. ซางจรชนิดหนึ่ง เกิดแทรกหรือต่อจากซางเพลิงอันเป็นซางเจ้าเรือนประจำเด็กเกิดวันอาทิตย์ เด็กที่ป่วยจะมีเม็ดยอดที่เป็นแม่ซาง ๔ เม็ด ขึ้นที่หัวหน่าว ๒ เม็ด ท้อง ๒ เม็ด และมีเม็ดยอดที่เป็นบริวารอีก ๔๐ เม็ด เมื่อเริ่มมีอาการจะมีลักษณะเหมือนผด เมื่อเป็นมากเม็ดยอดที่เป็นแม่ซางจะมารวมกันที่ท้องทำให้มีอาการตัวร้อนอาเจียน กินอาหารไม่ได้ นอนสะดุ้ง ถ่ายเป็นมูกเลือด เป็นต้น ดังคัมภีร์ประถมจินดา [๑/๓๐๑] ตอนหนึ่งว่า "... เมื่อสิ้นกำหนดทรางเพลิงเจ้าเรือนแล้ว ทรางกรายจึ่งผุดขึ้นมาจากกระดูกสันหลังจึ่งตั้งทรางอันว่าลักษณทรางกรายนั้นมีแม่ ๔ ยอด ขึ้นอยู่หัวเหน่า ๒ ยอด ขึ้นอยู่ในนาภี ๒ ยอด มีบริวาร ๔๐ ยอด ครั้นอายุได้ขวบ ๑ กับ ๖ เดือน จึ่งทรางบริวารนั้นก็กระจายออกมานอกเนื้อเปนดุจยอดผด แล้วจึ่งทำให้กุมารผู้นั้นบิดตัวนอนสดุ้งอยู่ประมาณ ๓ วัน แล้วก็จมลงไปขึ้นจับในลำไส้แก่ ครั้นได้ ๓ เดือน แม่ทรางที่ขึ้นอยู่ในหัวเหน่านั้น ก็เลื่อนขึ้นมาตั้งในนาภีอีกยอด ๑ เปน ๓ ยอดด้วยกันทั้งเก่า ครั้นเมื่ออายุได้ ๘ เดือน แม่ทรางที่ตั้งขึ้นอยู่ในหัวเหน่านั้น ก็เลื่อนขึ้นมาตั้งในนาภีอีกยอด ๑ เปน ๔ ยอดด้วยกัน ทั้งเก่านั้นในเมื่อแม่ทรางทั้ง ๔ ยอดขึ้นมาประชุมพร้อมกันในนาภีแล้วเมื่อใด ก็ทำให้ตัวร้อนให้ลงให้ราก ให้กระหายน้ำให้กินเข้า กินนมมิได้ ครั้นเมื่ออายุกุมารได้ขวบ ๑ กับ ๗ เดือน ๘ เดือน จึ่งบริวาร ๔๐ ยอดนั้น ก็แบ่งกันมาขึ้นประจำอยู่หัวเหน่า ๑๐ ยอด ขึ้นประจำอยู่นาภี ๑๐ ยอด ขึ้นประจำอยู่กะเภาะเข้า ๑๐ ยอด ขึ้นประจำอยู่ลิ้น ๑๐ ยอด เปน ๔๐ ยอดด้วยกันดังนี้ ..." ดู ซางจร ประกอบ |
ซางกำเนิด | ดู ซางเจ้าเรือน |
ซางขโมย | ดู ซางโจร |
ซางข้าวเปลือก, ซางเข้าเปลือก | น. ซางจรชนิดหนึ่ง เกิดแทรกซางโคอันเป็นซางเจ้าเรือนประจำเด็กเกิดวันพฤหัสบดี ซางชนิดนี้จะมีแม่ซาง ๕ เม็ดขึ้นที่กระหม่อม กลางหลัง นาภี และรักแร้ทั้งสองข้าง แม่ซางแต่ละเม็ดมีบริวาร ๑๐ เม็ด รวม ๕๐ เม็ด ผู้ป่วยจะมีอาการปากร้อนและท้องเสีย จากนั้นจะมีอาการมือเท้าเย็น เมื่อแม่ซางทยอยเลื่อนไปที่ท้องจนครบ ๕ เม็ด บริวารทั้ง ๕๐ ก็จะทยอยขึ้นทั้งตัว ทำให้เกิดผื่นคันเหมือนคายข้าวเปลือก ผู้ป่วยจะมีอาการท้องเสีย อาเจียน ท้องอืด มือกำ เท้างอ ลิ้นกระด้าง คางแข็ง ดูดนมไม่ได้ ถ้าไม่หายใน ๓-๗ วัน อาการจะรุนแรงถึงตายได้ ดังคัมภีร์ประถมจินดา [๑/๓๒๒] ตอนหนึ่งว่า "... ทีนี้จะว่าด้วยลักขรทรางเข้าเปลือก ซึ่งเนทรางจรมาแซกทรางโค เจ้าเรือนสำรับกันนั้นต่อไป ให้แพทยทั้งหลายพึงรู้โดยสังเขปดังนี้ อันว่าลักขณกำเนิดทรางเข้าเปลือกนั้นมีแม่ ๕ ยอดมีบริวาร ๕๐ ยอด แม่ทรางขึ้นประจำอยู่กระหม่อมนั้นยอด ๑ แม่ทรางขึ้นประจำอยู่นาภีนั้นยอด ๑ แม่ทรางขึ้นประจำอยู่รักแร้ทั้ง ๒ ข้างละยอด มีบริวารขึ้นประจำอยู่แห่งละสิบ ๆ ยอด ทรางจำพวกนี้เกิดเพื่อกำเดาเมื่อจะบังเกิดนั้นให้ปากร้อนให้ลงท้องก่อน ทรางจำพวกนี้จึงมาเกิดขึ้นันให้ตีนให้มือเยนแต่เจบเปนดังนี้ครั้ง ๑ แม่ทรางที่อยู่ในกระหม่อมนั้นจึ่งเลื่อนลงมาตั้งในนาภีอีกยอด ๑ เปน ๒ ยอดด้วยกัน ให้กุมารนั้นเจบอีกครั้ง ๑ แม่ทรางที่อยู่กลางสันหลังยอด ๑ นั้นก็เลื่อนลงมาตั้งอยู่นาภีเปน ๓ ยอด จึงทำให้กุมารจบลงอีกครั้ง ๑ แม่ทรางที่อยู่รักแร้ข้างละยอดนั้นก็ลงมาตั้งอยู่นาภีเปน ๕ ยอดด้วยกันขึ้นเปนดังนี้ * * * * * เรียงกันลงมาไต้สดือถึงหัวเหน่า อันว่าทรางบริวาร ๕๐ ยอดนั้น ก็รายกันไปขึ้นทั้งตัว บางทีให้พรึงขึ้นดังคายเข้าเปลือกให้คันสน่อย ถ้ารู้มิถึงก็ว่าออกหัด บางทีผุดขึ้นดังปานดำปานแดงก็มี บางทีผุดขึ้นดังเอาหวายฟาด บางทีผุดขึ้นดังตีด้วยนิ้วมือ ดำ แดง เขียว ก็มี รากนักมักให้ลงท้องให้ท้องขึ้นให้ชักเท้ากำมือ ให้ลิ้นกระด้างคางแฃงให้ดูดนมมิได้ แลให้เปนไปใน ๓ วัน ๗ วัน วันที่ ๑ พ้นกว่านั้นเปนอาการท่านตัด ..." ดู ซางจร ประกอบ |
ซางโค | น. ซางเจ้าเรือนประจำเด็กเกิดวันพฤหัสบดี เด็กที่ป่วยเป็นโรคนี้จะมีแม่ซาง ๔ เม็ด มีบริวาร ๕๐ เม็ด เกิดกับทารกตั้งแต่อยู่ในเรือนไฟ ทารกจะมีไข้ มีผื่นเหมือนผดขึ้นทั้งตัว แม่ซางและบริวารจะกระจายขึ้นไปตามอวัยวะต่าง ๆ ตามลำดับช่วงอายุ ทำให้มีอาการแตกต่างกันไป เช่น เมื่อขึ้นไปที่ปากและลิ้นจะทำให้ลิ้นเปื่อย ปากเปื่อย ไอ ท้องเสีย ฯลฯ ซางชนิดนี้อาจรักษาให้หายได้ใน ๑๕ วัน แต่ถ้ารักษาไม่หายอาจมีอาการรุนแรงถึงตายได้ ดังคัมภีร์ประถมจินดา [๑/๓๒๐] ตอนหนึ่งว่า "... อันว่าลักขณทรางโคนั้นมีแม่ ๔ ยอด บริวาร ๕๐ ยอด ในเมื่อตั้งอยู่ในครรภมารดานั้น ข้างขึ้นตั้งอยู่เหนือสดือข้างแรมตั้งอยู่ไต้สดือ เมื่อคลอดจะมีเขม่าครั้นหล่นลงไปทรางจึ่งเกิดตัวกุมารจะพรึงขึ้นดังยอดผดจะให้บิดตัวลงท้องเมื่อได้ ๓ เดือน แม่ทราง ๔ ยอดนั้นก็รายกันไปขึ้นที่ปลายลิ้นยอด ๑ ขึ้นอยู่ต้นลิ้นยอด ๑ ขึ้นอยู่สองข้างลิ้นข้างละยอด จึ่งทำให้ลิ้น ให้ปาก เปื่อยแล้วให้ไอให้ราก เปนกำลัง เมื่อได้หกเดือนทรางยอดเอกซึ่งตั้งอยู่ปลายลิ้นนั้น ก็เลื่อนลงไปตั้งอยู่ในนาภีชายตับทรางบริวารก็ไปขึ้นในกเภาะเข้า ๑๐ ยอด ยัง ๔๐ ยอดนั้นก็ไปตั้งอยู่ปลายลิ้นแลเพดาน ทรางยอดเอกซึ่งลงไปตั้งอยู่ในนาภีชายตับนั้น ก็ทำให้ลง ให้ราก ให้กระหายน้ำ ถ้าแพทยวางถูกไปได้ถึง ๗ เดือน ทรางยอดเอกที่ต้นลิ้นนั้น ก็เลื่อ่นลงไปตั้งอยู่ริมสดือข้างขวา ทรางบริวารก็ไปขึ้นในเภาะน้ำก็ทำให้ลงให้ราก ให้กระหายน้ำ เมื่อได้ ๑๑ เดือน ทรางเอกที่ขึ้นสองข้างลิ้นนั้น ก็เลื่อนลงไปตั้งในนาภีซ้าย นาภีขวา ยอด ๑ ทรางบริวารซึ่งเหลืออยู่ ๓๐ ยอดนั้นก็ไปขึ้นใส้อ่อน ๑๐ ยอด ใส้แก่ ๑๐ ยอด ขึ้นหัวเหน่า ๑๐ ยอด ก็กระทำให้กุมารป่วยเจบครั้ง ๑ เมื่อได้ขวบ ๑ กับ ๖ เดือนจะให้ตกมูกตกเลือด ให้เปนต่าง ๆ ...", ซางวัว ก็เรียกดู ซางเจ้าเรือน ประกอบ |
ซางจร | "น. ๑. ซางที่เกิดแทรกขึ้นระหว่างซางเจ้าเรือน ทำให้อาการรุนแรงขึ้น, ซางแทรก ก็เรียก
๒. ซางที่เกิดต่อเนื่องจากซางเจ้าเรือน ทำให้มีอาการรุนแรงขึ้น เช่น ซางกราย เป็นซางจรที่อาจเกิดต่อเนื่องจากซางเพลง ดังคัมภีร์ประถมจินดา [๑/๓๐๑] ตอนหนึ่งว่า ""... เมื่อสิ้นกำหนด ทรางเพลิงเจ้าเรือนแล้ว ทรางกรายจึ่งผุดขึ้นมาจากกระดูกสันหลังจึ่งตั้งทราง ...""" |
ซางเจ้าเรือน | น. ซางที่เกิดกับทารกตั้งแต่อายุครรภ์ได้ ๓ เดือน จนอายุได้ ๕ ขวบ ๖ เดือน, ซางกำเนิด ก็เรียก |
ซางโจร | น. ซางเจ้าเรือนประจำเด็กเกิดวันเสาร์ มีแม่ซาง ๘ ยอด มักเกิดกับเด็กตั้งแต่อายุ ๓ วัน ไปจนถึง ๑ ขวบกับ ๖ เดือน เด็กที่ป่วยเป็นโรคนี้จะมีอาการแสดงออกที่ปากลิ้น และเพดานปากเป็นเม็ดยอดสีเหลืองขอบแดง แล้วเปื่อยลามไปทั้งตัว ผู้ป่วยจะมีอาการท้องเดินไม่หยุด อุจจาระมีสีและกลิ่นเหมือนน้ำไข่เน่า น้ำคาวปลา หรือน้ำล้างเนื้อ อุจจาระอาจเป็นมูกหรือเป็นเลือดด้วย ซึ่งอาจรักษาให้หายได้ใน ๑๗ วัน หากรักษาไม่หาย อาการอาจรุนแรงขึ้นถึงตายได้ ดังคัมภีร์ประถจินดา [๑/๓๖๖] ตอนหนึ่งว่า "... อันว่าลักขณะทรางโจรนั้นข้างขึ้นตั้งเนหือสดือข้างแรมตั้งใต้สดือ ทรางโจรนี้มีแม่ ๘ ยอด เมื่อออกจากครรภมารดาได้ ๓ วัน แม่ทรางขึ้นในกลางสันหลังแห่งกุมารนั้น ๔ ยอด ไปขึ้นในกระหม่อมนั้น ๔ ยอด แลเมื่อกุมารได้ ๓ เดือน ทรางนั้นก็สำแดงออกมาที่ปากที่ลิ้น นั้นก็ดีที่เพดานก็ดี ตั้งขึ้นเปนเมดเข้าสารหักศีเหลืองตีนขอบนั้นแดง แลสำแดงออกนอกตัวลายดังปลากทิง แลทรางจำพวกนี้มีแม่มีตัวดังตัวไร ปากนั้นดำซ่านอยู่ทุกขุมขนทั้งตัวกุมารนั้น จำพวกหนึ่งอยู่ในลำไส้ ตัวยาวปากดำ ประมาณเท่าเส้นดาย จำพวกหนึ่งเกิดขึ้นเปนอุปปาติกใหญ่เท่าปลายไม้มวน คนสมมติเปนไส้เดือน เกิดแก่กุมารตั้งแต่เดือน ๑ ขึ้นไป เมื่อกุมารได้ ๖ เดือนทรางนั้นจึงสำแดงออกมาให้เปื่อยเปนขุม ๆ ไปทั่วทั้งตัว แล้วจึงกระทำโทษให้ลงท้องยามิหยุดเลย แล้วจึงแม่ทรางที่กระหม่อม ๔ ยอดนั้น ก็เลื่อนลงมายอด ๑ มาขึ้นกลางสันหลัง ประจบเข้ากันเปน ๕ ยอดแล้วที่ตัวกุมารเปื่อยนั้นก็หายลงไปเอง เมื่อกุมารได้ ๙ เดือน แม่ทรางที่กระหม่อมนั้นก็เลื่อนลงมาอีกยอด ๑ มาขึ้นในกลางสันหลังบรรจบเข้ากันกับเก่าเปน ๖ ยอดด้วยกัน เมื่อกุมารได้ขวบ ๑ แม่ทรางที่กระหม่อมนั้นก็เลื่อนลงมาอีกยอด ๑ มาขึ้นในกลางสันหลัง บรรจบเข้ากันเปน ๗ ยอด เมื่อกุมารอายุได้ขวบ ๑ กับ ๖ เดือน แม่ทรางที่กระหม่อมนั้น ก็เลื่อนลงมาอิกยอด ๑ มาขึ้นในกลางสันหลังบรรจบกันเปน ๘ ยอดพร้อมกันแล้ว ก็จมเข้าไปขึ้นรอบสดือทั้ง ๘ ยอดนั้น ก็กระทำโทษให้ลงเปนน้ำไข่เน่าเปนดังน้ำคาวปลาเปนดังน้ำล้างเนื้อ ก็ดีเปนมูกเปนเลือดก็ดี ถ้าแพทยวางยาถูกแล้วให้พิจารณาดูกำเนิดทรางโจรซึ่งกระทำโทษนั้นต่าง ๆ ...", ซางขโมยก็เรียก ดู ซางเจ้าเรือน ประกอบ |
ซางช้าง | น. ซางเจ้าเรือนประจำเด็กเกิดวันศุกร์ ซางชนิดนี้มีแม่ซาง ๘-๙ ยอด มีบริวาร ๘๐ ยอด เกิดกับเด็กตั้งแต่เมื่อออกจากเรือนไฟได้ ๓ เดือน แม่ซางและบริวารจะขึ้นกระจายไปตามแขน ขา ชายโครง กลางหลัง ทำให้มีอาการไอ คอแห้ง เจ็บคอ อาเจียนเป็นลมเปล่า คอเปื่อย คันทั้งตัว มีแผลพุพอง หากขึ้นที่กระเพาะอาหารและลำไส้จะทำให้กินอาหารไม่ได้ เบื่ออาหาร ท้องผูกเป็นพรรดึก โรคนี้อาจรักษาให้หายได้ใน ๑๖ วัน แต่ถ้ารักษาไม่หาย อาจมีอาการรุนแรงถึงตายได้ ดังคัมภีร์ประถมจินดา [๑/๒๖๐] ตอนหนึ่งว่า "... อันว่าลักษณทรางช้างนั้น ... ครั้นออกจากเรือนไฟได้ ๓ เดือนจึ่งมี แม่ทรางขึ้นตั้งอยู่ในนาภีนั้น ๓ ยอดขึ้นในเพานนั้น ๒ ยอด ๓ ยอดบ้าง ขึ้นในอกนั้น ๓ ยอด เมื่อได้ ๖ เดือน จึ่งแม่ทรางอยู่ในเพดาน ๒ ยอด ๓ ยอดนั้นก็เลื่อนลงมาขึ้นฅอ จึ่งมีบริวาร ๘๐ ยอด รายกันมาข้นลำขาทั้ง ๒ ข้าง ขึ้นหัวเหน่าทั้ง ๒ ข้าง ขึ้นลำแฃนทั้ง ๒ ข้าง ขึ้นข้างโครงแลกลางสัน ..." ดู ซางเจ้าเรือน ประกอบ |
ซางแดง | น. ซางเจ้าเรือนประจำเด็กเกิดวันอังคาร เด็กที่ป่วยเป็นโรคนี้จะมีเม็ดยอดที่เป็นแม่ซาง ๖ เม็ด ขึ้นที่กระหม่อม ๓ เม็ด กลางสันหลัง ๓ เม็ด และมีเม็ดยอดที่เป็นบริวาร ๗๒ เม็ด แม่ซางยอดเอกจะมีสีแดง หากเกิดที่สันหลังจะมีอาการแสดงออกที่คอ คาง ขาหนีบ รักแร้ และทวารหนัก ทำให้เด็กที่ป่วยมีอาการท้องเสีย อาเจียน กระหายน้ำ เชื่อมมึน ไอ ผอมเหลือง กินอาหารไม่ได้ ถ่ายอุจจาระเป็นมูกเลือด ซึ่งอาจรักษาห้หายได้ใน ๑๓ วัน เมื่อรักษาหายแล้ว อาจกลับมาเป็นใหม่ได้อีก แต่ถ้ารักษาไม่หายจะมีอาการรุนแรงขึ้น ซางชนิดนี้โบราณจัดเป็นซางที่มีพิษมาก แบ่งเป็น ๒ ประเภท คือ ซางแดงตัวผู้ และซางแดงตัวเมีย และว่าซางแดงตัวผู้มีพิษร้ายแรงมาก รักษายาก ดังคัมภีร์ประถมจินดา [๑/๒๔๘] ตอนหนึ่งว่า "... ลักษณทรางแดงนี้มีแม่นั้น ๖ ยอด อยู่ในกระหม่อม ๓ ยอด อยู่กลางสันหลัง ๓ ยอด มีบริวารอยู่ ๗๒ ยอด เมื่ออยู่ในเรือนไฟหาเขม่ามิได้เหตุว่าแม่ทรางนั้นเลื่อนขึ้นมาเกิดเพดาน ข้างบนนั้น ๑ ๒ ๓ ๔ ๕ ยอดก็ดี จึ่งไม่มีเขม่าในเรือนไฟ ครั้นออกไฟแล้วจึ่งเขม่าตานทรางนั้นมีมา ครั้นถ้วน ๓ เดือนแม่ทรางจึ่งลงมาจากกระหม่อยอด ๑ ขึ้นสันหลังยอด ๑ เปน ๒ ยอดด้วยกัน จึ่งสำแดงอกมาที่ฅอ คาง ฃาหนีบ รักแร้ ฃ้างนอกแลทวารหนักก็ดี ยอดนั้นแดงคือทรางแดงสำแดงออกมาให้ลำบากแก่กุมารแก่กุมารีทั้งปวงนั้น จึ่งทำให้ลงให้ราก ให้กระหายน้ำแลให้เชื่อม ให้มึน พิศม์ ให้ไอแลให้ฅอแห้ง ให้ผอมเหลืองให้ตกมูกตกเลือดกินเข้ากินนมมิได้ ถ้าแพทยเหนดังนี้แล้วให้พิจารณาดูให้รู้จักว่าตัวผู้ตัวเมีย แลลักษณเปนแลตายดีแลร้ายทั้งปวง ..." ดู ซางเจ้าเรือน ประกอบ |
ซางแดงตัวผู้ | ดูใน ซางแดง |
ซางแดงตัวเมีย | ดูใน ซางแดง |
ซางแทรก | ดู ซางจร |
ซางนางริ้น | น. ซางจรชนิดหนึ่ง เกิดแทรกหรือเกิดต่อจากซางโจร อันเป็นซางเจ้าเรือนประจำเด็กเกิดวันเสาร์ ซางชนิดนี้มีแม่ซาง ๔ เม็ด มีบริวาร ๕๖ เม็ด เกิดได้กับเด็กตั้งแต่ออกจากเรือนไฟ แม่ซางแต่ละเม็ดและบริวารจะทยอยรายขึ้นตามอวัยวะต่าง ๆ ของร่างกายตามช่วงอายุ ทำให้เกิดอาการแตกต่างกันไป เช่น เมื่อผู้ป่วยอายุได้ ๓ เดือน แม่ซางและบริวารจะไปขึ้นที่คอ ทำให้คอแห้ง ลิ้นขาว ดูดนมไม่ได้ ซางชนิดนี้อาจเกิดแทรกซางอื่นได้ทุกซาง ดังคัมภีร์ประถมจินดา [๑/๓๗๖] ตอนหนึ่งว่า "... อันว่าลักขณทรางนางริ้นนั้นมีแม่ยอด ๔ ยอด มีบริวารนั้น ๕๖ ยอด ตั้งแต่กุมารออกจากเรือนเพลิง บางทีขึ้นทรากทรางโจรบางทีต่อสิ้นทรางโจร จึ่งตั้งขึ้นอยู่สดือนั้นยอด ๑ บริวารมาขึ้นด้วย ๘ ยอดขึ้นอยู่ทรวงอกนั้นยอด ๑ บริวารมาขึ้นด้วย ๑๒ ยอด ขึ้นอยู่ลิ่นนั้นยอด ๑ บริวารมาขึ้นด้วย ๑๖ ยอด รายกันลงมาตามลำคอถึงทรวงอก ขึ้นอยู่ทรวงอกนั้นยอด ๑ บริวารมาขึ้นด้วย ๒๐ ยอด รายกันไปขึ้นตามหัวเหน่าแลไส้อ่อน ไส้แก่ เมื่อกุมาได้ ๓ เดือน แม่ทรางอันอยู่ในลำคอนั้นกระทำให้ฅอแห้ง ให้ลิ้นนั้นขาวดูดนมมิได้ เมื่อกุมารได้ ๖ เดือน บริวารทรางขึ้นลิ้นไก่ ๓ ยอดนั้น กระทำให้ไอเปนกำลัง บริวารทรางทั้งนั้นก็รายกันลงไปบันจบเอาแม่ทรางที่อยู่ทรวงอกนั้น แล้วจึ่งกระทำให้กระหายน้ำ ให้คอนั้นแห้ง ให้เชื่อมหลับตามไป บริวารทรางซึ่งอยู่ในทรวงอกนั้น ก็รายกันมาถึงชายโครง ชายตับ บันจบกันกับแม่ทรางที่อยู่ในสดือนั้น กระทำให้ตกมูก ตกเลือดสด ๆ ออกมา บางทีให้เปนเสมหะ เปนโลหิต เน่าออกมาบ้าง แล้วก็ให้ตับหย่อน ลงมาย้อยชายโครง ให้จับเปนเวลา ให้ตาแดงเปนสายโลหิต ถ้าวางยาผิดตายถ้าวางยาถูกเข้าค่อยงดต่อไป เมื่ออายุกุมารได้ขวบ ๑ กับ ๖ เดือน ทรางที่ในเภาะเยี่ยวนั้นก็กระทำให้ขัดเบา บางทีเบาตกออกมาดังน้ำเข้า ดังดินสอพองก็มี ดังน้ำหนองก็มี ให้เจบปวดดิ้นเสือกไป มาให้เบานั้นหยอด ๆ ไป บางทีให้ฟกขึ้นที่ปลายองคชาต บางทีให้ฟกขึ้นที่หัวเหน่า ให้เป็นหนอง แลหนองนั้นก็กลายเปนปรวดเข้าคือลูกนิ่วบ้าง ..." ดู ซางจร ประกอบ |
ซางน้ำ | น. ซางเจ้าเรือนประจำเด็กเกิดวันจันทร์ เด็กที่ป่วยเป็นโรคนี้จะมีเม็ดยอดสีแดงขนาดใหญ่ที่เป็นแม่ซาง ๑๙ เม็ด ขึ้นตามแขน หน้าแข้ง กลางหลัง และแก้ม ไม่มีเม็ดยอดที่เป็นบริวาร โรคนี้อาจเกิดกับเด็กตั้งแต่ระยะที่เป็นทารกในครรภ์จนถึงหลังคลอด ซึ่งอาจรักษาให้หายได้ใน ๑๒ วัน แต่ถ้ารักษาไม่หาย แม่ซางจะทยอยขึ้นกระจายไปตามอวัยวะต่าง ๆ เมื่อเด็กมีอายุ ๒ ขวบ ๖ เดือน มักมีอาการหนักขึ้น เม้ดยอดจะแตกเป็นน้ำเหลือง เป็นแผลเปื่อยทั่วตัว นานเข้าจะทำให้มีไข้ปวดท้อง ท้องร่วง เป็นต้น ดังคัมภีร์ประถมจินดา [๑/๓๐๔] ตอนหนึ่งว่า "... อันว่าลักขณทรางน้ำนั้นมีแม่ ๑๙ ยอด ในเมื่อครรภมารดาตั้งขึ้นได้ ๓ เดือนนั้นมักให้มารดาปวดศีศะแลเจบนมแล ให้อยากของอันหวาน แลให้เมื่อยแฃนทั้ง ๒ ข้าง ให้หูหนักตาฟางมักให้เปนลมมึนตึง แลให้รากให้กระหายน้ำเปนกำลังไปจนถึงกำหนดคลอด อันว่าแม่ทรางนั้นทั้ง ๑๙ ยอดนั้นมีสัณฐานยอดแต่ละยอดโตเท่าใบพุทรา มีสีอันแดงดังผลผักปลังห่าม ขึ้นที่ต้นแค่งต้นขา แลกลางหลังขึ้นน่าแข้งแลแก้มทั้ง ๒ ข้าง รายกันขึ้นละยอดจนอายุได้ ๒ ขวบ กับ ๖ เดือน ย่อมแตกเปนน้ำเหลืองเปื่อยไปรอบตัว ครั้นว่าแห้งลงก็หลบเข้าไปทำพายใน จึ่งกระทำให้หัวร้อนตัวร้อนแล้วก็ทำให้เจบท้อง ถ้าแพทย์ผู้ใดจะรักษาให้แต่งยากระทุ้งให้กิน ให้ออกเสียให้สิ้นเชิงแล้ว จึ่งวางยาทุเลาให้เกินไป ๔ ๕ เวลา จึ่งจะหายขาด อันลักขณะทรางน้ำนี้หาบริวารมิได้ ท่านให้เกรงแต่ทรางจร กับหละ ละออง ถ้าผู้มาแขกนั้นร้ายอยู่แล้ว เจ้าเรือนก็พลอยฉิบหายด้วย ทรางจรนั้น ..." ดู ซางเจ้าเรือน ประกอบ |
ซางฝ้าย | น. ซางจรชนิดหนึ่ง เกิดแทรกซางน้ำอันเป็นซางเจ้าเรือนประจำเด็กเกิดวันจันทร์ ไม่มีแม่ซางเกิดขึ้นตามผิวหนัง แต่ขึ้นที่เพดานปากกระพุ้งแก้ม ไรฟัน และลิ้น เด็กที่ป่วยเป็นโรคนี้จะมีอาการลิ้นเป็นฝ้าขาว มีไข้สูง ปากร้อนปากแห้งไม่มีน้ำลาย หุบปากไม่ลง กินอาหารไม่ได้ อาเจียน ท้องเดิน อุจจาระเหม็นเหมือนไข่เน่า เป็นต้น ดังคัมภีร์ประถมจินดา [๑/๓๓๔] ตอนหนึ่งว่า "... อันว่าลักขณะทรางฝ้ายนั้นหาเมดยอดมิได้ จำเภาะขึ้นเพดาน กะพุ้งแก้ม ไรฟัน แลขึ้นิ้นฃาวดาษไปดังยวงฝ้าย มีไยดุจสีสำลีดีดแล้วจึ่งกระทำพิศม์ให้ร้อนไปทั่วทั้งตัว ให้ปากนั้นร้อนให้ปากแห้งหาน้ำลายมิได้ แล้วให้หุบปากมิลง อ้าปากร้องอยู่ กินเข้า นม มิได้ มักให้รากเปนกำลัง แล้วกระทำให้ลงท้องเหมนดังไข่เหน้า ถ้าแพทยเหนดังนี้แล้วให้พิจารณาดูให้แม่นแท้ คือทรางฝ้ายกระทำโทษดุจกล่าวมาดังนี้ ..." ดู ซางจร ประกอบ |
ซางเพลิง, ซางไฟ | น. ซางเจ้าเรือนประจำเด็กเกิดวันอาทิตย์ เด็กที่ป่วยเป็นโรคนี้จะเริ่มมีเม็ดยอดที่เป็นแม่ซาง ๔ เม็ด เกิดที่บริเวณฝ่าเท้าเมื่ออายุได้ ๗ วัน และมีเม็ดยอดที่เป็นบริวารอีก ๔๐ เม็ด ขึ้นที่หน้าแข้งข้างละ ๒๐ เม็ด ซึ่งอาจรักษาให้หายได้ใน ๑๑ วัน แต่ถ้ารักษาไม่หายและมีอาการคงอยู่ แม่ซางและบริวารจะกระจายออกไปทำให้เกิดอาการต่าง ๆ เช่น เมื่อแม่ซางและบริวารกระจายขึ้นไปจากกลางหน้าแข้งถึงหัวเข่าเป็นเม็ดสีแดงลามออกไปเหมือนไฟไหม้ ทำให้มีอาการปวด เมื่อมีอาการรุนแรงขึ้นอาจถึงตยได้ ดังคัมภีร์ประถมจินดา [๑/๒๙๘] ตอนหนึ่งว่า "... อันว่าลักษณทรางเพลิงนั้นมีแม่ ๔ ยอด มีบริวาร ๔๐ ยอด เมื่อคลอดจากครรภมารดานั้น เขม่าขึ้นแต่ในเรือนเพลิง ครั้นได้ ๗ วันแล้วก็หายไป ด้วยแม่ทรางเพลิงจะมาบังเกิดในฝ่าเท้าแห่งกุมารผู้นั้น ถ้าเปนชายแม่ทรางเพลิงขึ้นฝ่าเท้าขวา ๓ ยอด ซ้ายยอด ๑ ถ้าเปนหญิงแม่ทรางเพลิงขึ้นฝ่าเท้าซ้าย ๓ ยอด ขวายอด ๑ และบริวาร ๔๐ ยอดนั้น ก็มาขึ้นน่าแค่งอยู่ฃ้างละ ๒๐ ยอด ครั้นออกจากเรือนเพลิงได้ ๓ เดือนแล้วนั้น แม่ทรางที่ฝ่าเท้าก็เลื่อนขึ้นตั้งอยู่นาภียอด ๑ เมื่อได้ ๔ เดือนนั้น จึ่งกระทำให้หลังเท้า นั้นฟกขึ้นสน่อย ให้เมื่อยข้อเท้ากินเข้าให้ระคายฅอให้นอนนานตื่น ครั้นได้ ๖ เดือน แม่ทรางจึ่งขึ้นอีกยอด ๑ เปน ๒ ยอดเข้ากัน จึ่งเปนเมดพรึงขึ้นมาข้างนอกเนื้อ สีดุจผลลูกหว้าห่าม อยู่ไปได้ ๖ ๗ ๘ ๙ ๑๐ วัน บางแล้วก็ดาษจมหายไป ครั้นได้ ๘ เดือน แม่ทรางซึ่งมาในนาภีอีกยอด ๑ บันจบกันเข้าเปน ๓ ยอด บริวารขึ้นอยู่ที่ข้อเข่าตลอดถึงข้อเท้า ครั้นได้ ๙ เดือน แม่ทรางก็เลื่อนขึ้นมานาภีอีกยอด ๑ เปน ๔ ยอดด้วยกัน จึ่งบริวาร ๔๐ ยอดนั้น ก็กระจายกันออกไปขึ้นกลางแค่ง กลางขา แลหัวเข่าบ้าง จึ่งตั้งยอดแดงดังผลมะไฟแล้วก็ดำด้านลงขอบแดงลามออกไปดุจเพลิงไหม้ แลหนังนั้นก็พองเลื่อนเข้าหากัน ครั้นว่าสุกออกพร้อมกันแล้วก็กระทำให้ปวดแต่เท้าตลอดถึงลำแค่ง ขา ตะโภก บั้นเอวก็ดี ถ้าแลแพทย์เหนดังนี้แล้วอย่าให้รักษาเลย ...", ดู ซางเจ้าเรือน ประกอบ |
ซางวัว | ดู ซางโค |
ซางสะกอ | น. ซางเจ้าเรือนประจำเด็กเกิดวันพุธ โรคนี้เกิดกับทารกได้ตั้งแต่แรกเกิด ทารกจะมีเม็ดยอดที่เป็นแม่ซางขึ้นบริเวณท้องส่วนบน ๔ เม็ด มีบริวาร ๔๐ เม็ด (บางตำราว่า ๔๒ เม็ด) ซึ่งอาจรักษาให้หายได้ใน ๑๔ วัน แต่ถ้ารักษาไม่หายและมีอาการคงอยู่ถึง ๓ เดือน เม็ดยอดจะกระจายไปทั่วร่างกาย ทำให้เกิดอาการต่าง ๆ เช่น ถ้ากระจายไปที่ลำไส้จะทำให้ท้องผูก ปัสสาวะขัด เมื่อเป็นอยู่นานและรักษาไม่ถูกต้องอาจทำให้ถึงตายได้ ดังคัมภีร์ประถมจินดา [๑/๒๕๕] ตอนหนึ่งว่า "... อันว่าลักษณทรางสกอนี้ มีแม่ ๔ ยอดขึ้นประจำในนาภีทั้ง ๔ ยอด เมื่ออยู่ในเรือนไฟนั้น ๓ วัน เขม่าจึ่งขึ้นมีบริวาร ๔๒ ยอด ขึ้นกำกับแม่ทั้ง ๔ ยอดนั้น จึ่งบริวารข้างละ ๑๐ ยอดนั้นลงมาประจำอยู่ ทวารหนักนั้น ๔ ยอด ประจำอยู่ม้ามนั้น ๕ ยอด อยู่กระหม่อมนั้นยอด ๑ ครั้นออกจากเรือนไฟแล้วจึ่งเปนเขม่าตาน เขม่าทรางเมื่อได้ ๓ เดือน จึ่งบริวารทั้งนั้นกระจายออกทั่วทั้งตัว แลลำไส้ แลทรางซึ่งประจำทวารหนัก ๔ ยอดนั้นมักให้เปนพรรดึก แลให้ขัดอุจาร ขัดปสาว แลทรางซึ่งประจำม้า ๕ ยอดนั้นก็กระจายออกยอดอกแล้วก็สำแดงออกมาที่ฅอ ที่ลิ้น ที่ปาก ขึ้นอยู่ ๓ เดือน ถ้าแพทยเหนดังนี้แล้วให้พิจารณาดูให้รู้จักว่า กำเนิดทรางสกอวางยา จึ่งจะชอบโรค ถ้าแลมิรู้จักกำเนิด ทรางสกอวางยามิต้องด้วยโรค ถ้าแลวางยาผิดเข้าไปเมื่อใด กุมารผู้นั้นก็จะแตกตายแต่ใน ๒ เดือนเปนอันเที่ยง ..." ดู ซางเจ้าเรือน ประกอบ |
ซางเหนบ | ดู ซางกระแหนะ |
ไซ้ท้อง | ก. ปวดมวนท้อง |
ข้อมูลจาก พจนานุกรม ศัพท์แพทย์และเภสัชกรรมแผนไทย ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พิมพ์ครั้งที่ ๒
อ่านต่อ...