-->

วันพฤหัสบดีที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2557

กระแจะ (Krachae)

Naringi crenulata (Roxb.) Nicolson
(Syn. Limonia crenulata Roxb., Hesperethusa crenulata (Roxb.) Roem.)
วงศ์ : RUTACEAE
ชื่ออื่น : พญายา (ภาคกลาง ตุมตัง (ภาคกลาง, ราชบุรี) กระแจะจัน ขะแจะ (ภาคเหนือ) คะนาว (มอญ)


ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
     กระแจะเป็นไม้ต้นผลัดใบ สูง 2-10 ม. เปลือกต้นสีน้ำตาลอ่อนออกเขียว แตกเป็นร่องตามยาวหรือเป็นสะเก็ดขนาดเล็ก ตามกิ่งมีหนามแหลมยาว
     ใบ เป็นใบปรกอบแบบขนนกปลายคี่ ออกเรียงสลับ ใบย่อยมี 1-3 คู่ รูปรีหรือรูปไข่ กว้าง 1.3-3.4 ซม. ยาว 1-9 ซม. ปลายใบแหลมหรือมน โคนใบสอบ ขอบใบจักมน แผ่นใบเรียบ สีเขียว ผิวใบมีต่อมน้ำมัน แกนกลางใบและก้านใบแผ่เป็นปีกทั้งสองด้าน ก้านใบยาว 1-6 ซม.
     ดอก ออกเป็นช่อตามซอกใบหรือตามกิ่งด้านข้าง ดอกสีขาวอมเหลือง กลีบเลี้ยงมี 4 กลีบ กลีบดอก 4 กลีบ มีต่อมน้ำมัน เกสรเพศผู้มี 8 อัน
     ผล รูปทรงกลม ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 0.7-1.2 ซม. ผิวเรียบ มีต่อมน้ำมัน เมล็ดเล็กสีน้ำตาลมี 1-4 เมล็ด

"...ใบเหมือนจิ้งจกตัวใหญ่..."

สรรพคุณ 
     ใบ เป็นยาแก้ลมบ้าหมู
     ราก เป็นยาถ่าย ขับเหงื่อ รักษาโรคลำไส้ ฝนทาทำให้หน้านวลเหลือง
     แก่น ดองกับสุรากินแก้กระษัย โลหิตพิการ ดับพิษร้อน แก้ไข้ บดเป็นผงทาผิว อาจผสมขมิ้น เรียก แป้งทานาคา
     ผลแห้ง เป็นยาบำรุง แก้ไข้ แก้พิษ แก้ท้องอืดท้องเฟ้อ อาหารไม่ย่อย
     เปลือกต้น รสหอมสุขุม แก้ไข้ ขับผายลม

ข้อมูลจาก หนังสือพฤกษชาติสมุนไพร ศูนย์พัฒนาตำราการแพทย์แผนไทย มูลนิธิการแพทย์แผนไทยพัฒนา

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น